6 รุ่นมอเตอร์ไซค์ สำหรับนักเดินทาง

6 รุ่นมอเตอร์ไซค์ สำหรับนักเดินทาง

ใครที่เป็นสายลุย ชอบเดินทางท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์ หรือคนที่อยากจะใช้มอเตอร์ไซค์ ในการเดิมทางท่องเที่ยว ในวงการมอเตอร์ไซค์ ก็มีหลายยี่ห้อ หลายรุ่นเลยค่ะ ที่ตอบโจทย์ กับการเดิมทางไกลแบบที่ว่าไป แต่วันนี้ thaimotorcycleracing ได้ตัดเอามาแค่ 6 รุ่นมอเตอร์ไซค์ สำหรับนักเดินทาง ที่น่าสนใจ และเหมาะกับนักบิดทางไกลอย่างคุณแน่นอน จะมีรุ่นไหนบ้างนั้นไปติดตามในบทความด้านล่างได้เลย!

มอเตอร์ไซค์ ที่เหมาะกับการขับทางไกล

BMW R1250 RS

รุ่นย่อยที่เป็นเหมือนกับน้องเล็กที่สุดในซีรี่ส์ R1250 กับเจ้า BMW R1250 RS สปอร์ตทัวร์ริ่งที่เน้นการเดินทางด้วยความเร็วสูง โดยพื้นฐานนั้นมันจะถูกติดตั้งเครื่องยนต์ Boxer 2 ลูกสูบ 1,252 ซีซี แบบมีระบบวาล์วแปรผันหรือ ShiftCam ซึ่งจะสามารถตอบสนองต่อคันเร่งได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าในทุกๆ ย่านความเร็ว อีกทั้งตัวรถนั้นจะมีขนาด

และน้ำหนักที่น้อยกว่ารุ่นพี่อย่าง R1250 RT และ GS ทำให้มันมีความคล่องตัวที่มากกว่า เหมาะสมกับการขับขี่ผ่านเส้นทางเมืองใหญ่ ที่อาจจะพบเจอการจารจรที่หนาแน่น และด้วยเบาะนั่งที่เตี้ยกว่าใครในซีรี่ส์ ก็น่าจะเหมาะสมกับสรีระของคนไทยอย่างเราๆเป็นอย่างมากอีกด้วย

Harley-Davidson Street Glide

อาจจะดูข้ามขั้นไปสักหน่อยเมื่อเราจะพูดถึงเจ้า Street Glide คันนี้ ด้วยความที่เป็นรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ ที่จะออกไปแนวทางของ American Touring ซึ่งอาจจะทำให้เพื่อนๆหลายๆ คนที่ความเครียดสะสมเมื่อต้องขับขี่มันผ่านการจารจรที่หนาแน่นในเมืองใหญ่ หรือต้องผ่านซอกซอยเล็กๆ หรือการต้องมุดผ่านช่องทางแคบๆ

แต่มันจะสามารถแสดงศักยภาพของตัวรถได้ดีมากๆ เวลาที่อยู่บนทางหลวง เมื่อเราสามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูง ตัวรถที่เคยหนัก กลับเบาลงอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ยังให้ความมั่นคง ความสมดุลของตัวรถที่ยอดเยี่ยม และมันเหมาะสมมากกับการขับขี่บนเส้นทางไกลๆ เหมือนเวลาขับขี่แบบระยะทาง 200 กิโลเมตรนั้นจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว

Honda NC750X

Honda NC750X นั้นนับว่าเป็นโมเดล Crossover รุ่นแรกๆ ของแบรนด์ Honda เลยก็ว่าได้ มันมีความสามารถที่เกินตัว ทั้งกำลังจากขุมกำลัง 2 ลูกสูบเรียง ที่มาพร้อมกับระบบเกียร์แบบ DCT ที่ทำให้ผู้ขับขี่นั้นแทบไม่ต้องกังวลกับการขับขี่ หรือต้องมากำคลัทซ์ให้เมื่อยมือในตอนที่การจารจรหนาแน่น อีกทั้งตัวรถยังมีน้ำหนักที่พอดี ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป ตัวรถยังอัดแน่นไปด้วยระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่รถมอเตอร์ไซค์สมัยใหม่ควรมี อีกทั้งในเรื่องของราคาก็นับว่าเป็นอะไรที่จับต้องได้ง่ายกว่าใครๆในท้องตลาดปัจจุบัน

Husqvarna Svartpilen 701

หลายๆ คนอาจจะมองว่าโมเดลนี้หลุดเข้ามาอยู่ในลิสต์นี้ได้อย่างไร ก่อนอื่นต้องขอบอกสรรพคุณมันสักหน่อย โดยโมเดล Husqvarna Svartpilen 701 นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าเครื่องยนต์นั้นถูกยกมาจาก KTM 690 Duke แต่มันถูกปรับปรุงใหม่โดยใส่อุปกรณ์อย่าง Dual-counterbalanced สำหรับการลดแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์แบบสูบเดียวลูกโต อีกทั้งยังปรับในเรื่องของอัตราการส่งกำลังของเครื่องยนต์ใหม่ ให้นุ่มนวลกว่า 690 Duke

โดยที่ยังคงให้แรงม้าสูงสุดที่ 73.8 แรงม้า (HP) ที่ 8,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 72 นิวตันเมตรที่ 6,750 รอบต่อนาที และระบบช่วงล่าง WP ด้านหน้าแบบหัวกลับขนาด 43 มิลลิเมตร ที่ช่วยซัพพอร์ตข้อมือ แขน ไหล่ ของผู้ขับขี่ได้ดีเป็นอย่างมาก ลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวที่ขรุขระ ได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือน้ำหนักตัวของมันนั้นจะอยู่ที่เพียง 158.5 กิโลกรัม (แบบแห้ง) จึงเป็นโมเดลในพิกัดกลางที่มีน้ำหนักตัวน้อยเป็นเบอร์แรกๆ ซึ่งมันก็ให้ความคล่องตัวและการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งบางรายเสียอีก

Kawasaki Versys 650
Kawasaki Versys 650

Kawasaki Versys 650

โมเดลยอดนิยมที่ใครๆ ก็นึกถึง ด้วยคุณสมบัติที่เป็นสปอร์ตทัวร์ริ่งแบบกึ่งทางฝุ่น ที่สามารถลุยได้ทั้งบนทางดำ และทางฝุ่นที่ไม่ Off-Road จนเกินไป แต่ส่วนใหญ่เราก็มักจะเห็นมันถูกนำมาวิ่งบนเส้นทางปกติกว่า 90% โดยส่วนหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของโมเดลนี้คือการอยู่ตรงกลางของการขับขี่ในหลากหลายรูปแบบ

จะขี่ในรูปแบบของสปอร์ตเน้นความเร็วก็ได้ จะขับขี่แบบกินลมชมวิวมีคนซ้อนท้ายก็สามารถทำได้อย่างสบายๆ หรือนึกอย่างเอาไปลุยในทางฝุ่น ลงสนามแบบ Single Track ก็สามารถทำได้ แต่อาจจะต้องปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บางอย่างบนตัวรถเล็กน้อยเพื่อความเหมาะสมกับการใช้งาน อีกส่วนหนึ่งคือการมีโมเดล SE ที่ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มเติมจากรุ่นมาตรฐาน ทำให้โมเดล Kawasaki Versys 650 กลายเป็นหนึ่งในโมเดลแรกๆ ที่สายเดินทางนึกถึงเสมอๆ

Zero SR/S

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าถ้ามองในแง่ของความสะดวกสบายนั้น รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเป็นคำตอบที่ค่อยข้างโดดเด่นในช่วงเวลานี้ ด้วยความที่ตัวรถนั้นต้องพึ่งพาการซ่อมบำรุงที่น้อยกว่ายานพาหนะเครื่องยนต์สันดาป ทำให้การเสียเงินในการบำรุงรักษานั้นน้อยลงไปจากเดิมมาก อีกทั้งเรื่องของการประหยัดเชื้อเพลิงที่ต้องซื้อเพิ่มในแต่ล่ะครั้งนั้น ก็ใช้จำนวนเงินที่น้อยกว่า แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยระยะเวลาในการชาร์จไฟที่มากกว่ายานพาหนะประเภทอื่นๆ

โดยเจ้า Zero SR/S เป็นรถพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นโดยผู้ผลิตอเมริกัน การชาร์จไฟจึงมีความแตกต่างกับเจ้าอื่นๆ โดยมันสามารถชาร์จไฟได้ทั้งกระแสตรงและกระแสสลับ รวมไปถึงการชาร์จบนสถานีบริการ และปลั้กผนังตามบ้านทั่วๆไป ซึ่งการชาร์จจาก 0-100% จากกระแสไฟบ้าน (แบบ 110V) จะใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมงในการชาร์จจนเต็ม ซึ่งการชาร์จไฟแต่ล่ะครั้งนั้นจะสามารถวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 112 กิโลเมตร ซึ่งถ้าเราต้องเดินทางต่อครั้งต่ำกว่านั้นแล้วกลับมาชาร์จไฟที่บ้าน ก็น่าจะเป็นอะไรที่สะดวกสบายดีเหมือนกันนะ

บทส่งท้าย

นอกจากทั้ง 6 รุ่นมอเตอร์ไซค์ สำหรับนักเดินทาง ที่เรานำเสนอไปนี่แล้ว ยังมีอีกหลายๆรุ่น ที่น่าสนใจไม่น้อย เช่น Moto Guzzi V85TT, Suzuki Burgman 400, Triumph Street Twin และอีกมากมายให้เพื่อนๆ ได้เลือกขับกันได้ตามความชอบเลย แต่ยังไงก็ตามแต่ บนท้องถนน ก็อย่าลืมว่า ต้องขับขี่ปลอดภัยกันไว้ก่อนนะคะ!